เมนู

6. โลกวิปัตติสูตร


[96] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย โลกธรรม 8 ประการนี้แล
ย่อมหมุนไปตามโลก และโลกย่อมหมุนไปตามโลกธรรม 8 ประการ
8 ประการเป็นไฉน คือ ลาภ 1 ความเสื่อมลาภ 1 ยศ 1 ความ
เสื่อมยศ 1 นินทา 1 สรรเสริญ 1 สุข 1 ทุกข์ 1 ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย โลกธรรม 8 ประการนี้แล ย่อมหมุนไปตามโลก และ
โลกย่อมหมุนไปตามโลกธรรม 8 ประการนี้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ลาภก็ดี ความเสื่อมลาภก็ดี ยศก็ดี ความเสื่อมยศก็ดี นินทาก็ดี
สรรเสริญก็ดี สุขก็ดี ทุกข์ก็ดี ย่อมเกิดขึ้นแก่ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ
ย่อมเกิดขึ้นแม้แก่อริยสาวกผู้ได้สดับ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในข้อนี้
จะมีอะไรแปลกกัน มีอะไรผิดกัน มีอะไรเป็นข้อแตกต่างกัน
ระหว่างอริยสาวกผู้ได้สดับกับปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ.
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรม
ของข้าพระองค์ทั้งหลาย มีพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นมูล มีพระผู้มี
พระภาคเจ้าเป็นผู้นำ มีพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นที่พึงอาศัย ข้าแต่
พระองค์ผู้เจริญ ขอประทานวโรกาส ขอเนื้อความแห่งภาษิตนี้
แจ่มแจ้งกะพระผู้มีพระภาคเจ้าเถิด ภิกษุทั้งหลายได้สดับต่อพระ-
ผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว จักทรงจำไว้.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถ้าอย่างนั้น
เธอทั้งหลายจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว ภิกษุเหล่านั้นทูลรับ
พระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ

ทั้งหลาย ลาภย่อมเกิดขึ้นแก่ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ เขาไม่ตระหนักชัด
ไม่ทราบชัดตามความเป็นจริงว่า ลาภนี้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา ก็แต่ว่า
ลาภนั้นเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา
ความเสื่อมลาภ... ยศ... ความเสื่อมยศ... นินทา... สรรเสริญ...
สุข... ทุกข์ ย่อมเกิดขึ้นแก่ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ เขาไม่ตระหนักชัด
ไม่ทราบชัดตามความเป็นจริงว่า ทุกข์นี้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา ก็แต่ว่า
ทุกข์นั้นไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา แม้ลาภ
ย่อมครอบงำจิตของเขาได้ แม้ความเสื่อมลาภ... แม้ยศ... แม้ความ
เสื่อมยศ... แม้นินทา... แม้สรรเสริญ... แม้สุข... แม้ทุกข์ ย่อม
ครอบงำจิตของเขาได้ เขาย่อมยินดีลาภที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมยินร้าย
ในความเสื่อมลาภ ย่อมยินดียศที่เกิดขึ้น ย่อมยินร้ายในความเสื่อมยศ
ย่อมยินดีสรรเสริญที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมยินร้ายในนินทา ย่อมยินดี
สุขที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมยินร้ายในทุกข์ เขาประกอบด้วยความยินดี
ยินร้ายอย่างนี้ ย่อมไม่พ้นไปจากชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ
ทุกข์ โทมนัสและอุปายาส เรากล่าวว่า ไม่พ้นไปจากทุกข์.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ลาภย่อมเกิดแก่อริยสาวกผู้ได้สดับ
อริยสาวกนั้น ย่อมตระหนักชัด ทราบชัดตามความเป็นจริงว่า
ลาภเกิดขึ้นแล้วแก่เรา ก็แต่ว่าลาภนั้นไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความ
แปรปรวนเป็นธรรมดา ความเสื่อมลาภ... ยศ... ความเสื่อมยศ...
นินทา... สรรเสริญ... สุข... ทุกข์ย่อมเกิดขึ้นแก่อริยสาวกผู้ได้
สดับ อริยสาวกนั้นย่อมตระหนักชัด ทราบชัดตามความจริงว่า
ทุกข์ที่เกิดขึ้นแล้วแก่เรา ก็แต่ว่า ทุกข์นั้นไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความ

แปรปรวนเป็นธรรมดา แม้ลาภย่อมครอบงำจิตของท่านไม่ได้ แม้
ความเสื่อมลาภ... แม้ยศ... แม้ความเสื่อมยศ... แม้นินทา... แม้
สรรเสริญ... แม้สุข... แม้ทุกข์ย่อมครอบงำจิตของท่านไม่ได้
ท่านย่อมไม่ยินดีลาภที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่ยินร้ายในความเสื่อมลาภ
ไม่ยินดียศที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่ยินร้ายในความเสื่อมยศ ไม่ยินดีความ
สรรเสริญที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่ยินร้ายในนินทา ไม่ยินดีสุขที่เกิดขึ้น
แล้ว ไม่ยินร้ายในทุกข์ ท่านละความยินดียินร้ายได้แล้วเด็ดขาด
อย่างนี้ ย่อมพ้นไปจากชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์
โทมนัส และอุปายาส เรากล่าวว่า ย่อมพ้นไปจากทุกข์ ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย นี้แลเป็นความแปลกกัน ผิดกัน แตกต่างกัน ระหว่าง
อริยสาวก ผู้ได้สดับกับปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ.
ธรรมในหมู่เหล่านี้ คือ ลาภ 1
ความเสื่อมลาภ 1 ยศ 1 ความเสื่อมยศ 1 นินทา
1 สรรเสริญ 1 สุข 1 ทุกข์ 1 เป็นสภาพไม่เที่ยง
ไม่แน่นอน มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา แต่
ท่านผู้เป็นนักปราชญ์ มีสติ ทราบธรรมเหล่านั้น
แล้ว พิจารณาเห็นว่า มีความแปรปรวนเป็น
ธรรมดา ธรรมอันน่าปรารถนา ย่อมย่ำยีจิตของ
ท่านไม่ได้ ท่านย่อมไม่ยินร้ายต่ออนิฏฐารมย์
ท่านขจัดความยินดีและยินร้ายเสียได้จนไม่เหลือ
อยู่ อนึ่ง ท่านทราบทางนิพพานอันปราศจาก

ธุลี ไม่มีความเศร้าโศกเป็นผู้ถึงฝั่งแห่งภพ ย่อม
ทราบได้อย่างถูกต้อง.
จบ โลกวิปัตติสูตรที่ 6

อรรถกถาโลกวิปัตติสูตรที่ 6


ทุติยโลกธรรมสูตรที่ 6

มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
บทว่า โก วิเสโส ได้แก่ อะไรเป็นเหตุพิเศษ. บทว่า โก
อธิปฺปายโส
ได้แก่ อะไรเป็นความประกอบอันยิ่ง. บทว่า ปริยาทาย
ได้แก่ ยึดถือ คือตั้งล้อมรอบ แม้ในสูตรนี้ก็ตรัสทั้งวัฏฏะและวิวัฏฏะ.
จบ อรรถกถาโลกวิปัตติสูตรที่ 6